Browse By

กาลาตาซาราย 1 – ลิเวอร์พูล 0

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนที่อิสตันบูลได้กลายเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของเกมลูกหนังอย่างแท้จริง เมื่อ กาลาตาซาราย ทีมแกร่งแห่งตุรกี เปิดรัง รามซาน ปาร์ค สเตเดียม รับการมาเยือนของยักษ์ใหญ่จากอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล ที่นำทัพโดยเจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันที่กำลังพยายามสร้างทีมให้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในยุโรปอีกครั้ง ทว่าในค่ำคืนนี้ บทสรุปกลับพลิกไปในทางที่หลายคนไม่คาดคิด เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นและปรากฏผลที่สกอร์บอร์ดว่า กาลาตาซาราย 1 – ลิเวอร์พูล 0 ท่ามกลางเสียงเฮกึกก้องจากแฟนบอลเจ้าถิ่นที่เต็มอัฒจันทร์กว่า 50,000 คน เกมนี้เริ่มต้นด้วยความดุดันของทั้งสองฝ่าย กาลาตาซารายแสดงให้เห็นถึงพลังใจและความมุ่งมั่นตั้งแต่นาทีแรก พวกเขาไม่ถอยหลังแม้ต้องเจอกับทีมที่มีชื่อชั้นเหนือกว่าในทางสถิติ ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่า แต่การผ่านบอลในพื้นที่สุดท้ายกลับไม่เฉียบคมพอที่จะเจาะแนวรับของทีมเจ้าบ้านซึ่งจัดระเบียบอย่างรัดกุม ภายใต้การคุมเกมของโค้ชโอนาล คารามาน ที่เน้นการตั้งรับเป็นระบบและสวนกลับอย่างรวดเร็ว แฟนบอลที่ติดตามการแข่งขันผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์เกมผ่าน คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน ต่างรู้ดีว่าเกมนี้จะไม่ใช่งานง่ายของลิเวอร์พูล การไปเยือนตุรกีนั้นไม่เคยเป็นเรื่องที่สะดวกสบายสำหรับทีมใดในยุโรป เพราะเสียงเชียร์ของกองเชียร์กาลาตาซารายขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในบรรยากาศที่โหดที่สุดในโลกฟุตบอล พวกเขาสามารถสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้เล่นเดินออกจากอุโมงค์

การเผชิญหน้ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของ บาร์เซโลน่า

ศึกแห่งศักดิ์ศรีในเวทียุโรป และน้ำเสียงที่สุขุมแต่เปี่ยมไปด้วยไฟของฮันซี่ ฟลิคสะท้อนภาพความจริง การเผชิญหน้ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คือ “ความท้าทายยิ่งใหญ่” ของบาร์เซโลน่าในตอนนี้ เขารู้ดีว่าฟุตบอลสมัยใหม่ไม่ได้วัดกันเพียงชื่อชั้นหรือโลโก้บนหน้าอก แต่ตัดสินด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ระดับมิลลิเมตร ทั้งมุมการยืนเพรสซิ่ง, จังหวะการเปลี่ยนผ่าน, และความนิ่งในกรอบเขตโทษ ฟลิคมองภาพรวมของคู่ต่อสู้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่โครงสร้างการขึ้นเกมจากแนวรับของเปแอสเช ไปจนถึงวิธีการป้องกันแดนกลางและการสลับตำแหน่งที่มีความเร็วสูง เขาตระหนักว่าทุกบททดสอบบนเส้นทางยุโรปล้วนบีบให้ทีมต้อง “เติบโต” และการเจอกับยักษ์ใหญ่จากปารีสก็คือกระจกสะท้อนว่าบาร์เซโลน่าเวอร์ชันของเขาพร้อมขนาดไหนในเรื่องทัศนคติและมาตรฐานการแข่งขันระดับทวีป การเตรียมทีมของฟลิคเริ่มจากการวิเคราะห์โครงสร้างแบบรุกและแบบรับของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อย่างละเอียด เขาให้ความสำคัญกับการกดดันบอลแรกเพื่อบังคับให้คู่แข่งพาเกมขึ้นไปยังพื้นที่ที่วางกับดักไว้ล่วงหน้า จุดนี้ต้องอาศัยความแม่นยำของแดนหน้าและแดนกลางในการ “หุบ–ดัน–ปิดช่อง” พร้อมกัน ยิ่งเมื่อเจอทีมที่ชำนาญการสร้างระยะห่างแนวรุกกับกองกลางเพื่อดึงคู่แข่งออกจากบล็อก การกะระยะวิ่งไล่บอลหรือตัดเส้นทางจ่ายยิ่งต้องเที่ยงตรงกว่าเดิม ฟลิคซ้อมรูปแบบการสลับข้างเร็วเพื่อแก้กับดักเพรส และย้ำกับผู้เล่นเรื่องความกล้าหาญในการพาบอลฝ่าไลน์แรก เพราะหากชนะเพรสได้แม้หนึ่งครั้ง เกมรุกถัดไปของบาร์ซ่าจะไหลเป็นสายน้ำและเปิดพื้นที่ให้ตัวทำเกมได้เงื้อมไม้เงื้อมมือมากขึ้น ประเด็นสำคัญอีกข้อคือการควบคุม “ทรานซิชันไทม์” ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อชั่ววินาทีที่ทีมอาจจากรุกเป็นรับ หรือจากรับเป็นรุก ฟลิคต้องการให้ลูกทีมตัดสินใจได้ฉับไว—หากเสียบอลต้องทันทีที่รีคัฟเวอร์ตำแหน่ง, หากได้บอลต้องปล่อยบอลขึ้นหน้าด้วยจังหวะที่ชัดเจน เขาพยายามผสานเอกลักษณ์แบบบาร์เซโลน่า—การครองบอลที่มีวัตถุประสงค์—เข้ากับความเข้มข้นทางกายภาพและความเร็วในการไล่เพรสแบบเยอรมัน

เชลซี 1 – เบนฟิก้า 0

ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส นัดระหว่าง เชลซี และ เบนฟิก้า กลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามองมากที่สุดในค่ำคืนแห่งยุโรป เพราะนี่คือการพบกันของสองทีมที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการยืนยันศักดิ์ศรีในเวทียุโรป และในที่สุดผลการแข่งขันก็ออกมาอย่างเฉียบขาด เมื่อเชลซีเฉือนเอาชนะไปได้แบบสุดระทึก 1-0 ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความตึงเครียดและอารมณ์อันเข้มข้นในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่แฟนบอลกว่า 40,000 คนลุกขึ้นยืนปรบมือให้หลังเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น แมตช์นี้ถือเป็นเกมสำคัญที่อาจชี้ชะตาเส้นทางของทั้งสองทีมในรอบลีก เฟส ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะสถานการณ์ของกลุ่มนั้นสูสีมาก การได้สามแต้มจึงมีค่าสูงยิ่งกว่าทอง โดยเฉพาะในระบบการแข่งขันใหม่ที่เพิ่มความเข้มข้นในทุกนัด ความพ่ายแพ้แม้เพียงครั้งเดียวอาจส่งผลต่อการเข้ารอบลึกทันที ดังนั้นทั้งเชลซีและเบนฟิก้าจึงต่างลงสนามด้วยความมุ่งมั่นสูงสุด ใช้แท็กติกที่ละเอียดและมีการวางแผนทางเทคนิคอย่างรอบคอบ เชลซีภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่มั่นคงของทีมในยุคใหม่ มาเรสก้าพยายามสร้างทีมให้มีเอกลักษณ์ชัดเจน เน้นการครองบอลที่มั่นคง การเพรสซิ่งในแดนสูง และการประสานงานในพื้นที่แคบอย่างมีประสิทธิภาพ เกมนี้เขาจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามโดยมี โคล พาล์มเมอร์ เป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวหลัก ส่วนแดนหน้ามี นิโกลัส แจ็กสัน

สนามสตาดิโอ เมอัซซ่า ใน ซาน ซิโร่ จะถูกรื้อถอนเกือบทั้งหมด

สตาดิโอ เมอัซซ่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซาน ซิโร่ (San Siro) ยิ่งกว่านั้น เพราะมันแทบจะกลายเป็น “วิหาร” ของฟุตบอลอิตาลีแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีข่าวใหญ่ที่ทำให้โลกฟุตบอลสะเทือน สนามแห่งนี้กำลังจะถูก รื้อเกือบทั้งหมด และบทความชิ้นนี้จะพาไปเจาะลึก ทั้งมิติทางสถาปัตยกรรม การเมืองท้องถิ่น ความขัดแย้งในสังคมแฟนบอล ผลกระทบทางการเงิน และทิศทางอนาคตของสองสโมสรยักษ์อย่าง เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน หากคุณเป็นแฟนบอล หรือตามติดข่าวสารในวงการ คุณอาจเคยได้ยินข่าวคราวว่าเมืองมิลานผ่านมติให้ขายที่ดินบริเวณสนามแก่สองสโมสรเพื่อให้สามารถรื้อถอนและสร้างใหม่ได้ — ซึ่งเปิดทางให้โครงการใหญ่แห่งศตวรรษดำเนินไปอย่างจริงจัง ความเป็นมาของซาน ซิโร่ — จากยุคเริ่มต้นจนถึงยุคทอง ซาน ซิโร่สร้างขึ้นในปี 1926 โดยออกแบบให้เป็นสนามสำหรับ เอซี มิลาน ก่อนที่จะมีการแชร์ใช้ร่วมกับ อินเตอร์ มิลาน ตั้งแต่ปี 1947

ดอร์ทมุนด์ จะได้ประโยชน์จากการพลาดลงสนามของ นีโก้ วิลเลียมส์

บรรยากาศก่อนเกมใหญ่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีกเฟส ระหว่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) และ แอธเลติก บิลเบา (Athletic Bilbao) เต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ข่าวล่าสุดที่หลุดออกมาจากแคมป์ทีมเยือนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม เมื่อมีการยืนยันจากสโมสรและทีมแพทย์ว่า นีโก้ วิลเลียมส์ ปีกดาวรุ่งตัวเก่งของบิลเบา จะพลาดการลงสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเกมลาลีกานัดล่าสุดที่พวกเขาเอาชนะเรอัล เบติสไป 2-1 รายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันจากโค้ชเอร์เนสโต บัลเบร์เด้ เอง ซึ่งกล่าวอย่างชัดเจนว่า “นีโก้ยังไม่พร้อมสำหรับเกมกับดอร์ทมุนด์ เราไม่ต้องการเสี่ยง เพราะอาการของเขายังไม่สมบูรณ์ 100%” ข่าวนี้สร้างแรงกระเพื่อมทันทีในวงการฟุตบอลยุโรป เพราะนีโก้ วิลเลียมส์ คือหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่มีอิทธิพลต่อเกมรุกมากที่สุดของบิลเบาในฤดูกาลนี้ เขาเป็นตัวสร้างความแตกต่างจากริมเส้นฝั่งซ้ายด้วยความเร็ว การลากเลื้อย และจังหวะเปิดบอลที่เฉียบคม สถิติระบุว่าเขามีส่วนร่วมกับประตูของทีมถึง 9 ลูกจากการลงเล่นเพียง 14 นัดในทุกรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาต่อระบบการเล่นของบัลเบร์เด้อย่างชัดเจน

ยูฟ่า ยืนยันบาร์ซ่าเปิดคัมป์นูเกมรับโอลิมเปียกอส

ในที่สุดสิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอยก็ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ประกาศรับรองให้ บาร์เซโลน่า กลับมาเปิดใช้สนามเหย้าอันเป็นตำนานอย่าง “คัมป์ นู (Camp Nou)” อีกครั้ง หลังผ่านช่วงเวลาปิดปรับปรุงยาวนานกว่าหนึ่งปีเต็ม โดยแมตช์ประวัติศาสตร์นี้จะเกิดขึ้นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีกเฟส ที่ “เจ้าบุญทุ่ม” จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมแกร่งจากกรีซอย่าง โอลิมเปียกอส (Olympiacos Piraeus) ข่าวนี้กลายเป็นพาดหัวใหญ่ของสื่อกีฬาแทบทุกสำนักในยุโรป ไม่ใช่เพียงเพราะความยิ่งใหญ่ของบาร์เซโลน่า แต่เพราะ “คัมป์ นู” คือสัญลักษณ์ของอารยธรรมฟุตบอลคาตาลัน ที่กำลังจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในแสงไฟแห่งยุโรป การปิดสนามเพื่อปรับปรุง “Espai Barça Project” เริ่มต้นตั้งแต่กลางปี 2023 โดยมีเป้าหมายในการปรับปรุงสภาพสนามทั้งในเชิงสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับอนาคต บาร์เซโลน่าต้องย้ายไปใช้สนามชั่วคราว “สเตเดี้ยม หลุยส์ คอมปานีส์” ในมอนต์จูอิก ซึ่งมีบรรยากาศที่ต่างจากคัมป์ นูอย่างมาก

ความท้าทายที่ เอเมอร์สัน ต้องเผชิญในมาร์กเซย

หลังจากที่ โอลิมปิก มาร์กเซย ตัดสินใจเซ็นสัญญาถาวรคว้าตัว เอเมอร์สัน พัลไมรี่ แบ็กซ้ายทีมชาติอิตาลีที่มีเชื้อสายบราซิล มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ แฟนบอลต่างคาดหวังว่านี่จะเป็นหนึ่งในดีลสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพลังให้แนวรับของทีมในฤดูกาลใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน การย้ายมาสู่สโมสรใหญ่อย่างมาร์กเซยก็เต็มไปด้วยแรงกดดันและความท้าทายที่เขาต้องเผชิญ การได้ลงเล่นที่สนาม สต๊าด เวโลโดรม ซึ่งเป็นหนึ่งในรังเหย้าที่แฟนบอลขึ้นชื่อว่าคลั่งไคล้ที่สุดในยุโรป ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเตะต่างชาติที่ต้องการยืนหยัดและพิสูจน์คุณค่า บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงความท้าทายหลากหลายด้านที่เอเมอร์สันต้องเจอ และสิ่งเหล่านี้จะกำหนดเส้นทางใหม่ของเขากับมาร์กเซย 1. ความกดดันจากแฟนบอลที่คลั่งไคล้ที่สุดในฝรั่งเศส มาร์กเซยมีแฟนบอลที่หลงใหลในทีมอย่างสุดขั้ว ทุกแมตช์ในบ้านบรรยากาศเต็มไปด้วยพลังเสียงเชียร์ที่สะท้อนความคาดหวังอันมหาศาล หากนักเตะทำผลงานดี เขาจะถูกยกย่องเป็นฮีโร่ในทันที แต่หากผิดพลาดเล็กน้อย เขาก็จะถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงเช่นกัน สำหรับเอเมอร์สัน ความท้าทายคือการแสดงฟอร์มให้คงเส้นคงวาในทุกนัด เพื่อให้แฟนบอลเชื่อมั่นว่าเขาคือคำตอบในตำแหน่งแบ็กซ้าย การเผชิญหน้ากับแรงกดดันเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขาที่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกและเซเรีย อา แต่บรรยากาศที่เวโลโดรมถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร 2. การปรับตัวเข้ากับระบบแท็กติกของโค้ช หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายคือการปรับตัวให้เข้ากับระบบแท็กติกของมาร์กเซย ซึ่งมักเปลี่ยนแปลงตามคู่แข่งและสถานการณ์การแข่งขัน เอเมอร์สันอาจถูกขอให้เล่นทั้งในระบบ 4-3-3, 3-5-2 หรือแม้แต่ 4-2-3-1 ความยืดหยุ่นนี้คือข้อดีของเอเมอร์สัน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทาย เพราะเขาต้องพร้อมแสดงฟอร์มในทุกบทบาทโดยไม่ตกหล่น 3.

โอลิมปิก มาร์กเซย เซ็นสัญญาถาวรคว้าตัว เอเมอร์สัน พัลไมรี่

ในตลาดซื้อขายนักเตะที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน หนึ่งในดีลที่สร้างความสนใจอย่างมากคือการที่ โอลิมปิก มาร์กเซย สโมสรดังแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส บรรลุข้อตกลงคว้าตัว เอเมอร์สัน พัลไมรี่ แบ็กซ้ายทีมชาติอิตาลีเชื้อสายบราซิล มาร่วมทีมแบบถาวร หลังจากที่เขาเคยลงเล่นในฝรั่งเศสด้วยสัญญายืมตัวและโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ การเซ็นสัญญาครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเสริมขุมกำลังที่แข็งแกร่งในเชิงแท็กติก แต่ยังสะท้อนถึงความทะเยอทะยานของมาร์กเซยที่ต้องการกลับมายืนหยัดในฐานะทีมลุ้นแชมป์ลีกเอิง และไปไกลในเวทียุโรป โปรไฟล์ของเอเมอร์สัน พัลไมรี่ เอเมอร์สันเกิดที่บราซิล แต่เลือกเล่นทีมชาติอิตาลีเนื่องจากมีเชื้อสายอิตาเลียน เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในบ้านเกิด ก่อนย้ายไปสร้างชื่อกับ โรม่า ในกัลโช่ เซเรีย อา จากนั้นย้ายไป เชลซี และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมถึงแชมป์ยูโร 2020 กับทีมชาติอิตาลี แม้ช่วงเวลาที่เชลซีเขาจะไม่ได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่ได้รับโอกาส เขามักโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ และประสบการณ์จากการเล่นในลีกระดับสูงหลายประเทศทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพครบเครื่อง เหตุผลที่มาร์กเซยเลือกลงทุนกับเอเมอร์สัน 1. ความมั่นคงและคุณภาพในตำแหน่งแบ็กซ้าย ตำแหน่งแบ็กซ้ายของโอลิมปิก มาร์กเซยเป็นจุดที่ถูกพูดถึงมานานว่าขาดความต่อเนื่อง ผู้เล่นหลายคนที่ได้รับโอกาสลงสนามมักมีปัญหาฟอร์มไม่สม่ำเสมอ บางคนเด่นเกมรุกแต่รับไม่ดี บางคนเน้นเกมรับแต่เติมเกมไม่ทัน ทำให้ทีมขาดสมดุล

แอสตัน วิลล่า บรรลุข้อตกลงคว้าตัว ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์

ข่าวที่สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลคือการที่ แอสตัน วิลล่า สามารถบรรลุข้อตกลงคว้าตัว ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ดาวรุ่งอนาคตไกลจากลิเวอร์พูลมาร่วมทีม การย้ายครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของวิลล่าในการสร้างทีมเพื่ออนาคต แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของเอลเลียตต์ที่จะก้าวออกจากเงาของสโมสรใหญ่เพื่อพิสูจน์ศักยภาพในฐานะตัวหลักอย่างแท้จริง โปรไฟล์และเส้นทางอาชีพของฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่สุดของอังกฤษ เขาแจ้งเกิดกับฟูแล่มตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 17 ปี และกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกในเวลานั้น ต่อมา ลิเวอร์พูล รีบคว้าตัวไปปลุกปั้น แม้ในถิ่นแอนฟิลด์ เอลเลียตต์จะมีช่วงเวลาที่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ และโชว์ฟอร์มเด่นเป็นบางครั้ง แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงในแดนกลางและแนวรุก ทำให้โอกาสลงสนามต่อเนื่องค่อนข้างจำกัด การย้ายมายังวิลล่า จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจทำให้เขาได้พัฒนาอย่างเต็มที่ เหตุผลที่วิลล่าต้องการตัวเอลเลียตต์ การลงทุนกับดาวรุ่งอย่างเอลเลียตต์มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์หลายด้าน เหตุผลที่เอลเลียตต์เลือกวิลล่า การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะวิลล่าต้องการ แต่เอลเลียตต์เองก็มีเหตุผลชัดเจน บทบาทของเอลเลียตต์ในทีมของอูไน เอเมรี เอเมรีเป็นโค้ชที่ชื่นชอบการใช้มิดฟิลด์ที่มีเทคนิคสูงและสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เอลเลียตต์จึงสามารถปรับตัวเข้ากับหลายบทบาท เช่น สิ่งที่เอเมรีต้องการคือการใช้ศักยภาพของเอลเลียตต์ให้ครบทุกมิติ เพื่อเสริมทั้งการครองเกมและความหลากหลายในการโจมตี ผลกระทบต่อพรีเมียร์ลีก ดีลนี้อาจเปลี่ยนโฉมการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกหลายด้าน มุมมองจากแฟนบอลและสื่อ เสียงสะท้อนจากแฟนบอลมีทั้งสองมุม ความท้าทายที่เอลเลียตต์ต้องเผชิญ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืม มานูเอล อาคานจี เสริมหลังบ้าน

ข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนคือการที่ อินเตอร์ มิลาน ตัดสินใจปล่อย มานูเอล อาคานจี กองหลังทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญายืมตัว ดีลนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลไม่น้อย เพราะอาคานจีถือเป็นหนึ่งในกำลังหลักแนวรับของอินเตอร์ และการย้ายไปซิตี้ซึ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์ยุโรปล่าสุด ทำให้หลายฝ่ายมองว่านี่คือการเสริมทัพที่สำคัญต่อการป้องกันตำแหน่งของทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหตุผลที่อินเตอร์ยอมปล่อยอาคานจี หลายคนสงสัยว่าทำไมอินเตอร์จึงตัดสินใจปล่อยกองหลังฝีเท้าดีเช่นนี้ออกไป แต่เบื้องหลังมีเหตุผลหลายด้าน เหตุผลที่แมนซิตี้ต้องการอาคานจี ด้านซิตี้เองก็มีเหตุผลที่ชัดเจนในการยืมตัวอาคานจีเข้ามา โปรไฟล์ของมานูเอล อาคานจี มานูเอล อาคานจี เกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นอาชีพที่บาเซิล ก่อนจะย้ายไปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่นี่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นกองหลังตัวหลักในบุนเดสลีกา ด้วยความแข็งแกร่ง ความเร็ว และการอ่านเกมที่ดี จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหลังที่น่าเชื่อถือ หลังจากนั้นเขาย้ายไปอินเตอร์ มิลาน และสามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอิตาลีได้อย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งทางกายภาพและวินัยการเล่นเกมรับทำให้เขากลายเป็นขุมกำลังสำคัญของทีม บทบาทที่คาดว่าจะได้รับในแมนซิตี้ อาคานจีไม่ได้ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นตัวจริงทันที แต่จะมีบทบาทสำคัญในเชิง โรเตชัน การได้เล่นเคียงข้างกองหลังระดับโลกอย่างรูเบน ดิอาส หรือไคล์